ในตลาด Forex นั้นมีคู่เงินให้เลือกเทรดหลากหลาย เราสามารถทำกำไรจากการซื้อ/ขายคู่เงินได้ทุกคู่ แต่การที่เราจะทำกำไรและอยู่รอดในตลาดได้ในระยะยาวนั้น เราควรจะเลือกคู่เงินเหมาะสมกับกลยุทธ์และวิถีชีวิตของตัวเทรดเดอร์เอง รวมถึงควรจะต้องทำความรู้จักกับเศรษฐกิจพื้นฐานของประเทศซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนตัวสกุลเงินนั้นเสียก่อน
ยกตัวอย่างเช่นเดียวกันกับกรณีการเทรดหุ้น ก่อนจะทำการเทรดเราจะต้องศึกษาดูพฤติกรรมของหุ้นที่สนใจว่ามีลักษะณะอย่างไร เช่น เป็นหุ้นปั่น หุ้นพื้นฐานดี หุ้นปันผลหรือหุ้นเติบโต หากเราทำการตรวจสอบก่อน ก็จะพอทราบถึงลักษณะนิสัยคร่าวๆ ของหุ้นตัวนั้น เฉกเช่นเดียวกันกับตัวคู่เงินซึ่งมีลักษณะนิสัยแตกต่างกันไปตามพื้นฐานเศรษฐกิจ ในแต่ละคู่เงิน
ความหมายเมื่อคู่เงินจับคู่กัน
คือการนำคู่เงินแต่ละสกุลเงินมาเปรียบเทียบกัน เพื่อวัดค่าความแข็ง/อ่อน โดยสกุลเงินข้างหน้าเรียกว่าสกุลเงินฐาน สกุลเงินหลังเรียกว่าสกุลเงินอ้างอิง โดยขณะที่เราซื้อสกุลเงินฐาน เราก็จะขายสกุลเงินอ้างอิงไปด้วยทุกครั้ง
สกุลเงินฐาน/สกุลเงินอ้างอิง
ตัวอย่างเช่น EUR/USD
สกุลเงินฐานคือ EUR
สกุลเงินอ้างอิงคือ USD
ซื้อ EUR/USD ที่ราคา 1.1200 ความหมาย จะได้เงินยูโร 1.1200 EUR ก็ต่อเมื่อนำเงินจำนวน 1 USD ไปแลก
ขาย EUR/USD ที่ราคา 1.1200 ความหมาย จะได้เงินดอลล่าร์ 1 USD ก็ต่อเมื่อนำเงินยูโร 1.1200 EUR มาแลก
ปริมาณการซื้อ-ขายคู่เงิน
สกุลเงินหลักที่มีปริมาณการซื้อ-ขายมากที่สุดได้แก่ USD,EUR,JPY,GBP และ CNY

คู่เงินหลัก Major Currency Pair
ประกอบด้วยคู่เงิน อันดับที่ 2-8 นำมาจับคู่เงินอันดับ 1 คือ ซึ่งก็คือUSD ซึ่งหากดูรายชื่อแล้วล้วนเป็นคู่เงินที่เป็นประเทศสำคัญทางเศรษฐกิจทั้งนั้น
ได้แก่
- EUR/USD หรือ EURUSD
- USD/JPY หรือ USDJPY
- GBP/USD หรือ GBPUSD
- AUD/USD หรือ AUDUSD
- USD/CAD หรือ USDCAD
- USD/CHF หรือ USDCHF

ลักษณะของคู่เงินหลัก
- มีสภาพคล่องสูง มีปริมานการซื้อขายตลอดเวลา
- มี Spread และค่าธรรมเนียมต่ำ
- ในช่วงปกติจะมีความผันผวนต่ำ
- กราฟเสถียรเนื่องจากผู้เล่นในตลาดล้วนต่างจ้องมองเพื่อหาโอกาสทำกำไร
- แต่ความผันผวนสูงขึ้นโดยเฉพาะช่วงการประกาศข่าวสำคัญที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงิน USD
- ข่าวของคู่เงินหนึ่งจะส่งผลกระทบกับอีกคู่เงินโดยตรง
คู่เงินรอง Minor Currency Pair
ประกอบด้วยคู่เงินที่ไม่มี USD จับคู่ ตัวอย่างเช่น EUR/NZD, EUR/CAD, NZDCAD เป็นต้น

ลักษณะของคู่เงินรอง
- มีค่า Spread และ ค่า Commission ที่สูงกว่า Major Pair เนื่องจากไม่เป็นที่นิยมมากเท่าไหร่
- เทรดกำไรและขาดทุนต่อหน่วยน้อยกว่า คู่เงินหลัก
- มีความผันผวนที่ต่ำกว่าในช่วงข่าว USD ต่ำ
- ข่าวของคู่เงินหนึ่งจะไม่ค่อยส่งผลกระทบกับอีกคู่เงิน
คู่เงินตลาดเกิดใหม่ Exotic Currency Pair
เกิดจากการจับคู่กันของ คู่เงินสกุลหลักหรือคู่เงินสกุลรอง นำมาจับคู่กันกับ คู่เงินตลาดเกิดใหม่ หรือ เกิดจากการนำคู่เงินตลาดเกิดใหม่มาจับคู่กันเอง เช่น USD/SGD, NOK/TRY เป็นต้น

ลักษณะของคู่เงินตลาดเกิดใหม่
- มีความผันผวนสูงมาก
- มีปริมาณการซื้อ/ขายและสภาพคล่องที่ต่ำ
- ข่าวอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐมีผลต่อค่าเงินเป็นอย่างมาก
- มีค่า Spread และ ค่า Commission ที่สูงมาก ยากต่อการทำกำไรบางกลยุทธ์ เช่น การเทรดสั้น (Scalping)
- เป็นโอกาสสำหรับเทรดเดอร์ มองเห็นโอกาสที่ใช้ประโยชน์จากการที่สภาพคล่องต่ำความผันผวนสูง ซึ่งหมายถึงกำไรที่มากตาม
- ตัวอย่างสินทรัพย์ยอดนิยมในกลุ่มนี้ได้แก่ Euro/Hungarian Forint (EUR/HUF),US Dollar/Singapore Dollar (USD/SGD)
คู่เงินโลหะมีค่า Precious Metals
เราอาจเรียกกลุ่มโลหะมีค่าว่าเป็นอีกหนึ่งกลุ่มคู่เงินเลยก็ว่าได้ เนื่องจากมีสภาพคล่องที่สูง ปริมาณการเทรดที่มาก โดยเฉพาะคู่ XAU/USD ที่เป็นที่นิยมอันดับหนึ่งในกลุ่มนี้ เพราะเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตการลงทุนในระยะยาว ข้อมูลปี 2021 พบว่าปริมาณการเทรดทองนั้นเป็นรองเพียงแค่คู่เงิน EUR/USD

ลักษณะของคู่เงินโลหะมีค่า
- มีความผันผวนสูง
- วิ่งขึ้น/ลงแรง ทำให้มีโอกาสได้กำไรหรือขาดทุนสูง
- มีค่าสเปรดและค่าคอมมิชชั่นที่สูง แต่ปัจจุบันเริ่มลดลงเนื่องจากมีสภาพคล่องที่สูงขึ้น
- มีความผันผวนต่อข่าวเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะข่าวอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ,ข่าวสงครามและการเมือง
- สินทรัพย์ยอดนิยมในกลุ่มนี้ได้แก่ XAUUSD,XAUAUD และ XUGUSD

สรุปคู่เงินในตลาด FOREX
คู่เงินในตลาด Forex แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มคู่เงิน ได้แก่ คู่เงินหลัก,คู่เงินรอง,คู่เงินตลาดเกิดใหม่ และอีกหนึ่งคู่เงินโลหะมีค่า ซึ่งจะแบ่งตามความนิยม,สภาพคล่อง และปริมาณการซื้อขาย แต่ละกลุ่มคู่เงินย่อมมีลักษณะนิสัยแตกต่างกัน การทำความเข้าใจถึงกลุ่มคู่เงินที่เราสนใจจะทำการจึงสำคัญ การทราบถึงกลุ่มคู่เงินในตลาด FOREX มีอะไรบ้าง จึงมีส่วนสำคัญในการพิจารณาเลือกสินทรัพย์เพื่อทำการเทรด แต่ในการเลือกคู่เงินสำหรับเทรดยังมีการบ้านให้เทรดเดอร์ที่จะต้องให้ความสนใจอีกมาก เช่น ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเทรด, การวิเคราะห์เชิงเทคนิคและพื้นฐาน รวมถึงข่าวสารต่างๆที่มีผลกระทบต่อคู่เงิน เป็นต้น